Grok 4 โมเดล AI ล่าสุดจาก xAI ของ Elon Musk ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมกับแพ็กเกจสมาชิกพิเศษ SuperGrok Heavy ราคา $300 ต่อเดือน ซึ่งถือเป็นการก้าวสู่การแข่งขันโดยตรงกับ ChatGPT และ Google Gemini ด้วยความสามารถที่ล้ำหน้ากว่าเดิม การเปิดตัวครั้งนี้มาพร้อมกับการอ้างว่าเป็น “โมเดล AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก” แต่จริงแล้ว Grok 4 มีจุดเด่นอะไรที่ทำให้แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ?
ทำไม Grok 4 ถึงสำคัญในตลาด AI
การเปิดตัว Grok 4 เป็นการตอบโต้ความท้าทายจากคู่แข่งรายใหญ่ในวงการ AI โดยเฉพาะ OpenAI ที่กำลังเตรียมปล่อย GPT-5 ในช่วงซัมเมอร์นี้ xAI ต้องการสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและมีการรวมตัวกับ X (Twitter) อย่างลึกซึ้ง ซึ่งช่วยให้ Grok 4 สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานหลายล้านคนได้ทันที
นอกจากนี้ Grok 4 ยังมีความสามารถในการวิเคราะห์ภาพและตอบคำถามได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถแข่งขันกับ ChatGPT และ Gemini ได้อย่างเต็มที่ครับ การที่ Elon Musk อ้างว่า Grok 4 “ดีกว่าระดับปริญญาเอกในทุกวิชา” แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในศักยภาพของโมเดลนี้
ฟีเจอร์และความสามารถใหม่ของ Grok 4
Grok 4 มาพร้อมกับสองเวอร์ชันหลัก ได้แก่ Grok 4 และ Grok 4 Heavy ซึ่งแต่ละเวอร์ชันมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้:
1. Grok 4 เวอร์ชันมาตรฐาน
เวอร์ชันมาตรฐานของ Grok 4 สามารถทำคะแนนได้ 25.4% ในการทดสอบ Humanity’s Last Exam ซึ่งเป็นการทดสอบที่ท้าทายที่สุดสำหรับ AI ในปัจจุบัน คะแนนนี้สูงกว่า Google Gemini 2.5 Pro ที่ได้ 21.6% และ OpenAI’s o3 ที่ได้ 21% อย่างชัดเจน
- วิเคราะห์ภาพและตอบคำถามได้อย่างแม่นยำ
- ตอบคำถามวิชาการในระดับสูงได้ทุกสาขา
- รวมตัวกับ X อย่างลึกซึ้งเพื่อการใช้งานที่สะดวก
2. Grok 4 Heavy เวอร์ชันพรีเมียม
Grok 4 Heavy เป็นเวอร์ชัน “multi-agent” ที่ใช้หลาย AI agents ทำงานร่วมกันเหมือน “กลุ่มศึกษา” เพื่อหาคำตอบที่ดีที่สุด เมื่อใช้เครื่องมือช่วย สามารถทำคะแนนได้ถึง 44.4% ในการทดสอบ Humanity’s Last Exam
- ใช้หลาย agents ทำงานพร้อมกัน
- เปรียบเทียบผลงานระหว่าง agents เพื่อหาคำตอบที่แม่นยำ
- ประสิทธิภาพสูงกว่าเวอร์ชันมาตรฐานอย่างมาก
3. ผลการทดสอบที่โดดเด่น
Grok 4 ยังสร้างสถิติใหม่ในการทดสอบ ARC-AGI-2 ด้วยคะแนน 16.2% ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นเกือบสองเท่า รวมถึง Claude Opus 4 ที่ถือเป็นโมเดล AI ชั้นนำ
แพ็กเกจสมาชิกและราคา SuperGrok Heavy
xAI เปิดตัวแพ็กเกจสมาชิก SuperGrok Heavy ราคา $300 ต่อเดือน ซึ่งเป็นแพ็กเกจที่แพงที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการ AI ชั้นนำ แพ็กเกจนี้มอบสิทธิพิเศษหลายอย่างให้กับสมาชิกครับ
สมาชิก SuperGrok Heavy จะได้รับสิทธิ์ทดลองใช้ Grok 4 Heavy ก่อนใครและเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในเดือนข้างหน้า ได้แก่ AI coding model ในเดือนสิงหาคม multi-modal agent ในเดือนกันยายน และ video generation model ในเดือนตุลาคม
การกำหนดราคาแพ็กเกจนี้สะท้อนถึงความมั่นใจของ xAI ว่า Grok 4 Heavy มีคุณภาพที่คู่ควรกับราคาที่ตั้งไว้ แม้ว่าจะแพงกว่าคู่แข่งอย่าง OpenAI, Google และ Anthropic อย่างชัดเจน แต่ฟีเจอร์พิเศษและประสิทธิภาพที่สูงกว่าอาจเป็นเหตุผลที่ดีสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้ AI ระดับสูง
ข้อท้าทายและข้อควรพิจารณา
แม้ว่า Grok 4 จะมีประสิทธิภาพที่ดีในการทดสอบต่างๆ แต่ก็ยังมีข้อท้าทายหลายประการที่ xAI ต้องเผชิญ โดยเฉพาะปัญหาการทำงานผิดพลาดของ Grok ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
เหตุการณ์ที่ Grok ตอบคำถามด้วยเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับชาวยิวและการสรรเสริญฮิตเลอร์ เป็นปัญหาใหญ่ที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของธุรกิจที่กำลังพิจารณาใช้ Grok 4 ครับ นอกจากนี้การลาออกของ Linda Yaccarino จากตำแหน่ง CEO ของ X ในช่วงเดียวกันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการรับรู้ของสาธารณชน
สำหรับธุรกิจที่สนใจใช้ Grok 4 ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
- ประสิทธิภาพสูงแต่ราคาแพงกว่าคู่แข่ง
- ความเสี่ยงจากการทำงานผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
- การรวมตัวกับ X ที่อาจเป็นข้อดีหรือข้อเสียขึ้นอยู่กับธุรกิจ
- ความพร้อมในการใช้งาน enterprise ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
การเปิดตัว Grok 4 เป็นก้าวสำคัญของ xAI ในการแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด AI ด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่นและฟีเจอร์ที่แปลกใหม่ แม้ว่าจะมีราคาสูงและประเด็นที่ต้องปรับปรุง แต่ก็น่าจับตามองว่าจะสามารถสร้างความแตกต่างในตลาดได้มากแค่ไหน สำหรับธุรกิจหรือผู้ที่สนใจเทคโนโลยี AI คุณคิดว่า Grok 4 จะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการใช้งานของคุณหรือไม่?
