Perplexity AI Search Engine ที่อาจเปลี่ยนอนาคตการค้นหา

โลกของการค้นหาข้อมูลออนไลน์กำลังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างรวดเร็ว เมื่อ Perplexity เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาดที่ Google ครองอยู่มายาวนาน ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการให้คำตอบที่แม่นยำและปราศจากโฆษณา เครื่องมือค้นหาตัวใหม่นี้จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายใหญ่และผู้ใช้งานทั่วโลก ว่าแต่จะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการค้นหาข้อมูลของเราได้จริงหรือไม่?

ที่มาและความสำคัญของ Perplexity ในวงการค้นหาข้อมูล

Perplexity ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2022 โดยอดีตพนักงานของ OpenAI ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างประสบการณ์การค้นหาที่ไม่มีโฆษณาและตรงไปตรงมา ภายในเวลาเพียง 2 ปี แพลตฟอร์มนี้ได้สร้างฐานผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจสำหรับสตาร์ทอัพใหม่ครับ

ความสำคัญของ Perplexity ไม่ได้อยู่ที่จำนวนผู้ใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนระดับโลก เช่น Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และ Nvidia บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ AI ชั้นนำ การระดมทุนรอบล่าสุดจำนวน 74 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้บริษัทมีมูลค่าถึง 520 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสตาร์ทอัพด้านเสิร์ชเอนจินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

วิธีการทำงานและฟีเจอร์เด่นของ Perplexity

Perplexity ทำงานแบบผสมผสานระหว่าง Google และ ChatGPT โดยผู้ใช้สามารถใส่คำถามเพื่อค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ หรือใช้เป็นผู้ช่วยในการสรุปเอกสาร สร้างเนื้อหา และวิเคราะห์ข้อมูล ระบบมีทั้งเวอร์ชันฟรีที่ใช้ GPT-3.5 และเวอร์ชันโปรที่มีโมเดล AI ที่ทรงพลังกว่า ได้แก่ GPT-4, Claude 2, และ Mistral’s Le Large รวมถึงโมเดลของ Perplexity เอง

จุดเด่นที่สำคัญของ Perplexity คือความสามารถในการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์และนำเสนอในรูปแบบที่ย่อยง่าย พร้อมด้วยลิงก์แหล่งอ้างอิง สื่อที่เกี่ยวข้อง และหัวข้อที่น่าสนใจ ฟีเจอร์หลักของระบบ ได้แก่

1. ระบบตรวจจับความไม่ถูกต้อง

Perplexity มีระบบที่ช่วยตรวจสอบและแจ้งเตือนเมื่อข้อมูลที่นำเสนออาจมีความไม่ถูกต้อง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ได้รับ ระบบนี้จะวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งและเปรียบเทียบความสอดคล้องกัน

2. การค้นหาจากแหล่งข้อมูลเฉพาะ

ผู้ใช้สามารถกำหนดให้ค้นหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลเฉพาะได้ เช่น Reddit, YouTube, และ Yelp ทำให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้น การทำงานแบบนี้ช่วยลดเวลาในการกรองข้อมูลที่ไม่จำเป็น

3. การปรับแต่งโปรไฟล์ AI

ระบบให้ผู้ใช้ปรับแต่งโปรไฟล์ AI ได้ตามต้องการ ทั้งในเรื่องของภาษา รูปแบบการนำเสนอ และโทนการสื่อสาร ทำให้ได้รับคำตอบที่เหมาะสมกับสไตล์และความต้องการของแต่ละคน

การเปรียบเทียบ Perplexity กับ Google ใครดีกว่า

การเปรียบเทียบระหว่าง Perplexity และ Google จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน โดยแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน

จุดแข็งหลักของ Perplexity คือความสามารถในการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์และสังเคราะห์ออกมาเป็นข้อมูลที่เข้าใจง่าย พร้อมด้วยลิงก์แหล่งอ้างอิง สื่อที่เกี่ยวข้อง และหัวข้อที่เชื่อมโยงกัน ระบบยังสามารถตอบคำถามติดตามได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ตัวอย่างการใช้งานจริง เมื่อค้นหาคำว่า “โรงแรมที่ดีที่สุดในกานา” ผลลัพธ์จาก Google จะแสดงกล่องค้นหาโรงแรมที่ให้ผู้ใช้กรองตัวเลือกตามวันที่ งบประมาณ และเรทติ้ง ในขณะที่ Perplexity จะนำเสนอรายชื่อโรงแรมที่ดีที่สุดพร้อมคำอธิบายสั้นๆ และอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ 5 แหล่ง รวมถึง Trip Advisor และ Travel Noire

Google มีจุดเด่นในเรื่องของความครอบคลุม โดยนำเสนอข้อมูลทุกอย่างที่มีให้ผู้ใช้เลือกกรอง ในขณะที่ Perplexity เน้นความตรงไปตรงมา ให้คำตอบที่เฉพาะเจาะจงและเปิดโอกาสให้ขุดลึกเพิ่มเติมได้ การทำงานแบบนี้ช่วยลดปัญหาการมีแท็บเปิดมากมายและความสับสนที่อาจเกิดขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจาก New York Times กล่าวว่า “เครื่องมือค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่าง Perplexity อาจส่งผลให้ Google สูญเสียการครอบครองตลาดค้นหา หรืออย่างน้อยก็บีบให้ต้องปรับตัวตาม” ถึงแม้ว่า Perplexity จะยังไม่ได้รับความนิยมหรือมีพลังเท่า Google แต่ความสำเร็จของมันอาจผลักดัน Google ให้เปลี่ยนแปลงแนวทางการค้นหาครับ

ข้อจำกัดและข้อควรพิจารณาในการใช้งาน Perplexity

แม้ว่า Perplexity จะมีจุดเด่นหลายประการ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ผู้ใช้งานควรรับทราบ ข้อจำกัดหลักคือฐานผู้ใช้งานที่ยังคงน้อยกว่า Google อย่างมาก โดย Perplexity มีผู้ใช้งาน 10 ล้านคนต่อเดือน เทียบกับ Google ที่มี 1 พันล้านคน ความแตกต่างนี้ส่งผลต่อปริมาณข้อมูลและการพัฒนาอัลกอริธึม

ประสบการณ์ของ Neeva ซึ่งเป็นเครื่องมือค้นหาที่ไม่มีโฆษณาเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการแข่งขันกับ Google แม้ว่า Neeva จะเติบโตถึง 500,000 ผู้ใช้งานต่อเดือนหลังจากเปิดตัวในปี 2019 แต่ก็ต้องปิดตัวลงในปี 2022 เนื่องจากไม่สามารถหาผู้ใช้งานเพิ่มได้

ข้อพิจารณาสำคัญอีกประการคือความแม่นยำของข้อมูล ถึงแม้ว่า Perplexity จะมีระบบตรวจสอบความถูกต้อง แต่การพึ่งพาเทคโนโลยี AI ยังคงมีความเสี่ยงในการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือลำเอียง ผู้ใช้งานจึงควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงที่ระบบให้มาด้วย

สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ Google ยังคงมีข้อได้เปรียบในเรื่องของเครื่องมือและบริการที่หลากหลาย เช่น Google Analytics, Google Ads, และ Google Search Console ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงการตลาดออนไลน์ได้อย่างครอบคลุม

Perplexity กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการค้นหาข้อมูลด้วยแนวคิดที่เน้นความเรียบง่าย ความแม่นยำ และการไม่มีโฆษณา ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถแทนที่ Google ได้ในระยะสั้น แต่ก็เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ความสำเร็จของ Perplexity อาจเป็นแรงผลักดันให้ Google และผู้ให้บริการอื่นๆ ปรับปรุงประสบการณ์การค้นหาให้ดียิ่งขึ้น คุณคิดว่าการค้นหาข้อมูลในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง?

บทความที่น่าสนใจ

บทความล่าสุด

Dpoint Holdings Co.,Ltd (Maxideastudio)

344 ซ.สุคนธสวัสดิ์ 14 ลาดพร้าว Bangkok Thailand

Call (+66) 095-7922929

www.maxideastudio.com

ชัยพร อุดมชนะโชค

Founder Of Maxideastudio
Digital Marketer l Content Creator l Speaker

© 2024 MaxideaStudio. All Rights Reserved.