AI ละเมิดลิขสิทธิ์ สร้างสรรค์ร่วมกันจะอยู่รอดไหมในยุคดิจิทัล

ปัญหา AI ละเมิดลิขสิทธิ์ กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมากครับ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่มีมูลค่ามหาศาลถึง ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี ซึ่งคิดเป็นเกือบ ของ GDP สหรัฐฯ เลยทีเดียว หลายบริษัท AI ได้นำเอาผลงานที่มีลิขสิทธิ์จำนวนมากไปใช้ในการฝึกโมเดลโดยไม่ได้รับอนุญาต จนนำไปสู่การฟ้องร้องกว่า คดีในศาลสหพันธรัฐ แล้วเราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไรระหว่าง AI และเจ้าของลิขสิทธิ์?

กลยุทธ์รับมือปัญหา AI ละเมิดลิขสิทธิ์สำหรับสองฝ่าย

เมื่อเทคโนโลยี AI กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์จึงกลายเป็นสิ่งที่ทั้งเจ้าของลิขสิทธิ์และบริษัท AI ต้องตระหนักและหาทางแก้ไขร่วมกัน เพื่อให้เกิดความสมดุลและส่งเสริมการสร้างสรรค์ในระยะยาวครับ

1. สำหรับเจ้าของลิขสิทธิ์: ปกป้องธุรกิจของคุณอย่างไร

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ปัญหา AI ละเมิดลิขสิทธิ์ กำลังเป็นที่ถกเถียงอย่างหนัก เจ้าของลิขสิทธิ์ยังคงมีหนทางในการปกป้องผลงานและธุรกิจของตนเองครับ

1.1 ใช้โอกาสในการนำเนื้อหาออกจากโมเดล AI

หลายคนอาจคิดว่าเมื่อเนื้อหาลิขสิทธิ์ถูกนำไปใช้ในโมเดล AI แล้ว จะไม่สามารถนำกลับออกมาได้อีก แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นครับ เมื่อ LLMs (Large Language Models) มีการอัปเดตเวอร์ชันใหม่ เช่น จาก ChatGPT 3 ไปเป็น ChatGPT 4 มักจะมีการฝึกโมเดลใหม่ทั้งหมด นั่นเป็นโอกาสให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถร้องขอให้มีการลบเนื้อหาของตนออกจากชุดข้อมูล หรือแม้กระทั่งขอคำสั่งศาลให้ดำเนินการดังกล่าวได้

1.2 พิจารณาเข้าร่วมการฟ้องร้องทางกฎหมาย

หากเชื่อว่าเนื้อหาของคุณถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ นี่อาจเป็นเวลาที่ดีในการเข้าร่วมกับโจทก์กว่า รายที่กำลังฟ้องร้องเพื่อปกป้องสิทธิ์ตามกฎหมายของตนเองครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำตัดสินของศาลบางคดีได้ให้แนวทางในการชนะคดีแก่โจทก์ นั่นคือ การโน้มน้าวศาลว่าโมเดล AI เหล่านี้สามารถทำลายอาชีพของผู้สร้างสรรค์ผลงานได้

1.3 พิจารณาการออกใบอนุญาต (Licensing)

ปัจจุบันมีเจ้าของลิขสิทธิ์กว่า ราย อาทิ HarperCollins, Universal Music, Reddit, Shutterstock และ Wall Street Journal ได้อนุญาตให้บริษัท AI นำเนื้อหาไปใช้ในการฝึกโมเดลแล้วครับ หากคุณยังไม่ได้ดำเนินการ อาจพิจารณาการทำข้อตกลงการอนุญาต โดยอาจสร้างชุดข้อมูลที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีและปรับแต่งให้เหมาะสมกับการฝึกโมเดลเฉพาะ ซึ่งจะทำให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนา AI แม้ว่าการเจรจาอาจเสียเปรียบจากแนวโน้มคำตัดสินของศาลเรื่อง Fair Use แต่ข้อได้เปรียบคือความทันเวลาและความแม่นยำ บริษัท AI อาจยินดีจ่ายเพื่อเข้าถึงเนื้อหาที่มีคุณภาพและเป็นระเบียบ แทนที่จะต้องขูดข้อมูลจากเว็บอย่างไม่เลือกปฏิบัติ

1.4 ทบทวนโมเดลธุรกิจที่ให้เนื้อหาฟรี

ธุรกิจทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมากมักเผยแพร่เนื้อหาบางส่วนสู่สาธารณะเพื่อขับเคลื่อนโมเดลธุรกิจ เช่น คลิปภาพยนตร์บน YouTube ที่มีโฆษณาสนับสนุน หรือโมเดล Freemium ที่ให้เนื้อหาฟรีบางส่วนก่อนจะเรียกเก็บเงินสำหรับเนื้อหาฉบับเต็ม อย่าง ถึง บทความฟรีต่อเดือนบนบางเว็บไซต์ กลยุทธ์เหล่านี้อาจเคยสมเหตุสมผลก่อนยุค Gen AI แต่กฎเกณฑ์ได้เปลี่ยนไปแล้วครับ การชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์ของการเผยแพร่เนื้อหาบนเว็บสาธารณะกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการที่เนื้อหาลิขสิทธิ์ของคุณถูกนำไปใช้ฝึก LLMs โดยไม่ได้รับความยินยอมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อข้อตกลงการอนุญาตใหญ่ๆ หลายฉบับเกิดขึ้นกับเนื้อหาที่อยู่หลัง Paywall ซึ่งทำให้บริษท AI ขูดข้อมูลได้ยาก

1.5 ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาบน Open Web

เจ้าของลิขสิทธิ์ควรหาวิธีปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาที่ยังคงอยู่บน Open Web แม้จะไม่มีวิธีใดที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีหลายแนวทางให้เลือกใช้ครับ คุณสามารถใช้ไฟล์ robots.txt เพื่อแจ้งให้ AI crawler ไม่ขูดข้อมูลบนเว็บไซต์ แต่วิธีนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อ LLMs เลือกที่จะเคารพไฟล์นี้เท่านั้น นอกจากนี้ บริษัทเว็บโฮสติ้งบางแห่งสามารถบล็อก AI Scrapers หรือกำหนดนโยบายการสร้างรายได้สำหรับ AI Agents ที่ต้องการเข้าถึงเนื้อหาบางส่วนของคุณได้ และสุดท้าย มีเครื่องมือใหม่ๆ เช่น Glaze หรือ Nightshade ที่สามารถปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นรูปภาพซึ่งเผยแพร่สู่สาธารณะจากการถูกนำไปใช้ในการฝึก Gen AI ครับ

2. สำหรับบริษัท Gen AI: สิ่งที่ควรพิจารณา

แม้ว่าคำตัดสินของศาลบางคดีจะดูเหมือนเป็นประโยชน์ต่อบริษัท Gen AI แต่การดำเนินธุรกิจไปตามเดิมอาจเป็นความผิดพลาดได้ครับ มีหลายสิ่งที่บริษัท AI ควรพิจารณาในขณะที่ศาลกำลังพิจารณาคดีต่างๆ

2.1 ตระหนักถึงความเสี่ยงทางการเงินจากการละเมิดลิขสิทธิ์

แม้ผู้พิพากษา Alsup จะตัดสินว่าการใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์เพื่อฝึก LLM ของ Anthropic เป็น Fair Use แต่ก็มีข้อแม้สำคัญ นั่นคือข้อมูลลิขสิทธิ์ต้องไม่ได้รับการจัดหามาด้วยวิธีการละเมิดลิขสิทธิ์ครับ Alsup ระบุชัดเจนว่า “การละเมิดลิขสิทธิ์ของสำเนาที่มีอยู่แล้วนั้น เป็นการละเมิดที่แก้ไขไม่ได้ แม้ว่าสำเนาที่ละเมิดนั้นจะถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเปลี่ยนแปลง” นี่หมายความว่าการใช้เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์มีความเสี่ยงทางการเงินสูงมากครับ ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ (17 U.S.C. § 504) เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถเรียกค่าเสียหายตามกฎหมายได้สูงถึง ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อผลงานที่ถูกละเมิด และสูงถึง ดอลลาร์สหรัฐฯ หากศาลพบว่าเป็นการละเมิดโดยเจตนา ซึ่ง Alsup พบว่า Anthropic ใช้หนังสือที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ล้านเล่มในการฝึกข้อมูล และสั่งให้บริษัทต้องขึ้นศาลเพื่อพิจารณา “สำเนาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ที่ใช้ในการสร้างคลังข้อมูลกลางของ Anthropic และความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงหรือตามกฎหมาย (รวมถึงการกระทำโดยเจตนา)” ล้านเล่มคูณ ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเล่ม เท่ากับความเสี่ยงทางการเงินที่อาจสูงถึง ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียวครับ และปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ Anthropic การสืบสวนในคดี Kadrey v. Meta พบว่า Meta ใช้ข้อมูลหนังสือที่ละเมิดลิขสิทธิ์อย่างน้อย TB ในการฝึกโมเดล

2.2 พิจารณาทำข้อตกลงการอนุญาต (Licensing) กับเจ้าของลิขสิทธิ์

จากความเสี่ยงทางการเงินมหาศาลที่กล่าวมา ตอนนี้อาจเป็นเวลาที่เหมาะสมในการพิจารณาทำข้อตกลงการอนุญาตกับเจ้าของลิขสิทธิ์ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำตัดสินของศาลล่าสุดอาจทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์มีความเต็มใจที่จะขายสิทธิ์ในระยะสั้นมากขึ้น

2.3 พัฒนาเครื่องมือให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถจัดการเนื้อหาได้

ในอดีต บริษัทอย่าง YouTube และ Facebook ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถนำเนื้อหาของตนออกจากแพลตฟอร์มได้ครับ ปัจจุบันจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับบริษัท Gen AI ในการพัฒนาเครื่องมือที่คล้ายคลึงกัน เพื่อให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถควบคุมการใช้เนื้อหาของตนเองได้

2.4 ตั้งคำถามถึงประโยชน์ของการใช้เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์

Eleuther.ai ซึ่งเป็นองค์กรวิจัย AI ได้เปิดตัวชุดข้อมูลขนาด TB ที่เรียกว่า Common Pile v0.1 ซึ่งอ้างว่าประกอบด้วยเนื้อหาโอเพนซอร์สหรือเนื้อหาที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด และเมื่อใช้โมเดลนี้ในการฝึก LLMs โมเดลเหล่านั้นก็ยังคงมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโมเดลที่ใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์ที่ไม่ได้อนุญาตครับ นักพัฒนาของบริษัทระบุในบล็อกว่า “แนวคิดที่ว่าข้อความที่ไม่ได้รับอนุญาตเป็นตัวขับเคลื่อนประสิทธิภาพนั้นไม่เป็นความจริง” แม้เราจะตรวจสอบคำกล่าวอ้างนี้ด้วยตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เนื้อหาที่ไม่ได้อนุญาต (และมักจะเป็นเนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์) บริษัท Gen AI ควรตั้งคำถามว่าประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์นั้นคุ้มค่ากับความเสี่ยงทางกฎหมายและการเงินที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ครับ

ท้ายที่สุดแล้ว Gen AI มีศักยภาพที่จะสร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมและสังคมได้ในหลายๆ ด้านครับ แต่การจะบรรลุศักยภาพนั้นได้จะต้องอาศัยความร่วมมือที่แข็งแกร่งและโปร่งใสมากขึ้นระหว่างบริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การเดินหน้าในเส้นทางปัจจุบันอาจทำให้เราเสี่ยงที่จะ “ฆ่าห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ” ซึ่งในที่นี้คือ นักเขียน นักดนตรี นักเขียนโค้ด และผู้สร้างภาพยนตร์ ผู้ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อคุณค่าในปัจจุบันและอนาคตของผลงานที่สร้างโดย Gen AI ทั้งสองฝ่ายจึงจำเป็นต้องปรับตัวและทำงานร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนครับ

บทความที่น่าสนใจ

บทความล่าสุด

Dpoint Holdings Co.,Ltd (Maxideastudio)

344 ซ.สุคนธสวัสดิ์ 14 ลาดพร้าว Bangkok Thailand

Call (+66) 095-7922929

www.maxideastudio.com

ชัยพร อุดมชนะโชค

Founder Of Maxideastudio
Digital Marketer l Content Creator l Speaker

© 2025 MaxideaStudio. All Rights Reserved.