Vertical Content มันเจ๋งยังไง?

จากที่ติดค้างกันไว้ในบทความก่อนเกี่ยวกับการทำคอนเทนต์แนวตั้ง ที่ผมได้เล่าไปแล้วว่า มันมีที่มาที่ไปยังไง

และที่สำคัญ มันไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแส แต่มันเป็นเรื่องของการปรับวิธีสื่อสารให้เข้ากับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน

ซึ่งผมก็เป็นคนนึงที่เชียร์ให้ธุรกิจลองเริ่มหันมาทำคอนเทนต์ลักษณะนี้กันดูบ้าง

วันนี้เรามาดูเหตุผลกันครับว่า คอนเทนต์แนวตั้งมันดียังไง? ทำไมคุณต้องทำ?

1. มันเป็น format ที่เหมาะสมกับการแสดงผลบนมือถือ

Vertical Content เป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่ native ไปกับการแสดงผลบนหน้าจอมือถือ

หรือพูดง่ายๆ คือ มัน “เนียน” ไปกับทั้งอุปกรณ์และพฤติกรรมการใช้มือถือของเรานั่นเองครับ

เพราะนอกจากมือถือจะถูกออกแบบมาให้เราจับแบบแนวตั้งอยู่แล้ว

พฤติกรรมต่างๆ ที่เราทำบนมือถือส่วนใหญ่มันก็มักเกิดขึ้นในแนวตั้งอีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นการไถหน้าฟีด การอ่านบทความ การดูลิสต์รายชื่อ
หรือแม้กระทั่งการดู vdo บางตัวที่ต้องดูในแนวนอน ทุกวันนี้เราก็ยังขี้เกียจกลับมือถือไปดูเลย

และเมื่อ format มันเป็นธรรมชาติไปกับอุปกรณ์และพฤติกรรมการใช้ เวลาผู้บริโภคเสพคอนเทนต์ หรือ Ad ลักษณะนี้ ผู้บริโภคก็จะไม่ค่อยรู้สึกว่าเค้าถูกรบกวน

ลองสังเกตดูว่า Ad ที่ออกแบบมาเพื่อแสดงผลใน IG stories โดยเฉพาะ มันจะเนียนไปกับ stories อื่นๆ บนแพลตฟอร์ม

ซึ่งมันทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกรำคาญเวลาปัดผ่าน ไม่เหมือนกับโฆษณาที่มัน pop-up ขึ้นมาให้ต้องหงุดหงิดใจ

2. มันเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลได้เยอะมาก

การทำรูปหรือวิดีโอแนวตั้งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลให้กับคอนเทนต์ของคุณเยอะมากครับ

อยากให้ทุกคนลองนึกภาพเวลาเราเล่น Facebook ในมือถือ แล้วเรากำลังดู video ซักตัวนึงที่เป็นแนวนอน

คุณจะสังเกตได้เลยครับ ว่าขณะที่คุณกำลังดูคอนเทนต์นั้นๆอยู่ มันก็อาจจะยังเห็นคอนเทนต์อื่นๆที่อยู่ด้านบน หรือ ด้านล่างไปพร้อมๆกันด้วย

ซึ่งถ้าลองมาสังเกตดูที่ video ที่เป็นแบบตั้ง เวลาที่เราต้องการดูคอนเทนต์ลักษณะนี้

เราก็ต้องพยายามเลื่อนตัวคอนเทนต์ที่กำลังดู ให้ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาของเรามองเห็นได้ชัดเจนมากที่สุด ซึ่งก็คือเกือบเต็มจอ

ด้วยรูปแบบการนำเสนอแบบนี้ นอกจากจะทำให้ผู้รับสารเห็นคอนเทนต์ของคุณแบบเต็มตาแล้ว

มันยังกินพื้นที่การแสดงผลของคอนเทนต์อื่นรอบๆ คอนเทนต์ของคุณอีกด้วย (โดยอัตโนมัติ)

ซึ่งจะช่วยดึงให้ผู้รับสารโฟกัสอยู่แต่กับคอนเทนต์ของคุณ
และไม่ไขว้เขวไปมองคอนเทนต์ของคนอื่น เรียกว่าเป็นการตัดสิ่งรบกวนได้ดีทีเดียว

3. มันดึงความสนใจได้ดีกว่า

เมื่อคอนเทนต์แนวตั้งมันเหมาะกับการแสดงผลบนมือถือมากกว่า กินพื้นที่มากกว่า แถมดูแปลกใหม่ และน่าตื่นตาตื่นใจกว่า ส่งผลให้มันสามารถดึงความสนใจจากผู้รับสารได้ดีกว่า format อื่นๆ พอสมควรเลยล่ะครับ

มีการศึกษาจาก facebook พบว่า

79% ของผู้ถูกสำรวจซึ่งเป็นผู้ที่รับชม vertical video มีความเห็นว่า format แบบนี้ดึงดูดใจพวกเค้าได้มากกว่า และเป็น format ที่พวกเค้ามักเลือกรับชม

และ 65% มองว่าแบรนด์ที่ใช้ vertical video Ad ดูมีความคิดสร้างสรรค์ และใช้นวัตกรรมมากกว่าอีกด้วย

ในขณะที่ ข้อมูลจากอีกแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง snapchat เปิดเผยว่า ผู้ที่ดูวิดีโอแนวตั้งบนแพลตฟอร์มของเค้า มีแนวโน้มจะดูวิดีโอจบมากกว่าผู้ที่ดูวิดีโอแนวนอนถึง 9 เท่า

นอกจากค่าสถิติต่างๆ เหล่านี้แล้ว ลองสังเกตพฤติกรรมของเราเองดูก็ได้ครับว่า เวลาคุณเจองาน vertical content ดีๆ มันดึงดูดใจคุณมากกว่าจริงรึเปล่า?

สำหรับผมที่เคยลองใช้ Ad format ประเภทนี้ มันได้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีเลยล่ะครับ และผลมักจะโดดเด่นเป็นพิเศษเวลาใช้มันเพื่อสร้างการรับรู้

4. มันช่วยสร้างความหลากหลายให้กับงาน

หากคุณสามารถสร้าง vertical content ออกมาได้ดี งานของคุณจะมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในด้านลึกและด้านกว้าง

“ในด้านลึก” ตัวคอนเทนต์เองจะสามารถนำเสนอสิ่งที่แปลกใหม่ มุมมองใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค

“ในด้านกว้าง” คุณก็จะมีคอนเทนต์ที่มี format หลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย

5. มันช่วยขยาย placement ในการนำเสนอโฆษณา

ทุกวันนี้ เราเห็นได้ชัดเจนว่า แพลตฟอร์ม social media ใหญ่ๆ อย่าง facebook, snapchat, IG ฯลฯ ต่างก็พยายามผลักดัน vertical culture กันแบบเต็มตัว ผ่านทั้ง stories ในแต่ละแพลตฟอร์ม ไปจนถึงการสร้างช่อง IGTV ขึ้นมาเลยทีเดียว

ซึ่งถ้าสภาพแวดล้อมมันเป็นไปทางนี้ และธุรกิจมีการเตรียมความพร้อมในการทำ vertical content เอาไว้
ธุรกิจก็จะสามารถเลือก placement ในการลงโฆษณาได้มากขึ้น แทนที่จะเอาแต่แย่งกันลงในหน้าฟีดอย่างเดียว
ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้เราบริหารต้นทุนในการลงโฆษณาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการกระจาย Ad ไปยัง placement ที่หลากหลาย

.

จากความเจ๋งของ vertical content ที่ผมกล่าวมาทั้งหมด คุณคงเลิกสงสัยแล้วใช่มั้ยครับว่า ทำไมผมถึงเชียร์ให้แบรนด์ทดลองทำกันจัง

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้บอกว่า vertical format มันจะเวิร์คกว่า format อื่นๆนะครับ

“มันขึ้นอยู่กับ” วัตถุประสงค์ในการใช้ด้วยว่าคุณต้องการใช้มันทำอะไร

“มันขึ้นอยู่กับ” ธรรมชาติของแต่ละ platform ที่คุณใช้ด้วย ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร และมีบริบทในการเสพคอนเทนต์แบบไหนบน platform นั้นๆ

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของแบรนด์ที่ต้องทำความเข้าใจ และสร้างสรรค์งานออกมาให้ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของธุรกิจและความต้องการของผู้บริโภคครับ

และเหนือสิ่งอื่นใด “ผมแค่อยากให้คุณลองดูครับ” มันไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว

#MaxideaMarketingTips
#MaxideaStudio

บทความล่าสุด

Dpoint Holdings Co.,Ltd (Maxideastudio)

344 ซ.สุคนธสวัสดิ์ 14 ลาดพร้าว Bangkok Thailand

Call (+66) 095-7922929

www.maxideastudio.com

ชัยพร อุดมชนะโชค

Founder Of Maxideastudio
Digital Marketer l Content Creator l Speaker

© 2024 MaxideaStudio. All Rights Reserved.