ประเภท Keywords แต่ละชนิด ต่างกันอย่างไร และใช้งานอย่างไร? 

การทำ SEO สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องใส่ใจคือ การเลือกใช้ Keywords เพราะอย่างที่ผมเคยเกริ่นนำไว้ในบทความ “การเลือกคีย์เวิร์ดให้เข้ากับตัวเว็บไซต์ สินค้าและธุรกิจของคุณ” ว่ามันคือลูกไฟดวงสำคัญที่จะช่วยนำทางให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณเข้ามาพบเจอเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้นหากคิดจะทำ SEO ควรใส่ใจเรื่องการหา Keywords ให้ดี เพราะหากเลือกคำผิด ชีวิตเปลี่ยนเลยนะครับ! 

สำหรับทุกท่านที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับการทำ SEO กันให้ลึกลงกว่าเดิม ด้วยการพาไปรู้จักกับ Keyword และวิธีการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณกันครับ

ประเภท Keywords แต่ละชนิด ต่างกันอย่างไร และใช้งานอย่างไร? 

Keyword คืออะไร ?

Keywords (คีย์เวิร์ด) หมายถึง คำที่กลุ่มผู้ใช้งานใช้ค้นหาผ่าน Search Engine ของ Google ซึ่งคำนั้นอาจจะเป็นสินค้า หรือบริการ หรือปัญหา หรือสิ่งที่ต้องการหรือเป็นสิ่งที่กำลังเป็นที่สนใจ 

ซึ่งหากผู้ทำ SEO สามารถเลือกคำที่ตรงกับการค้นหาของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายได้ ก็จะยิ่งได้เปรียบในการทำ SEO เพราะสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนการใช้งานและนำพาให้เว็บไซต์ของคุณติดในอันดับต้น ๆ ได้ 

แต่ Keywords นั้นก็ถูกแบ่งออกตามความสนใจและความนิยมในการค้นหา มี Vol. ไม่เท่ากัน มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานไม่เท่ากัน โดยส่วนตัวของผมเองได้แบ่งประเภทของ Keywords เหล่านี้ออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้ 

4 ประเภทของ Keywords แต่ละชนิด

1.Major Keywords 

หมายถึง  คำหลักทั่วไปที่ตรงกับความต้องการหรือธุรกิจ หรือ กลุ่มคำที่ไม่เฉพาะไม่เจาะจง ส่วนใหญ่จะเป็นคำสั้น ๆ และเป็นคำที่มีอัตราการค้นหาสูง คนทั่วไปมักจะเข้าใจว่าต้องใช้คำที่มีการค้นหาสูงเท่านั้นถึงจะดี แต่ความจริงแล้วไม่เสมอไปครับ เพราะคำบางคำมีอัตราการค้นหาสูงก็จริง แต่ว่าเป็นคำที่คนส่วนใหญ่มักใช้เพื่อหาข้อมูล ไม่ได้ต้องการซื้อของ ดังนั้นไม่ควรให้ความสำคัญมาก ทำ SEO แต่ละครั้งก็เน้นแต่คำกลุ่มนี้จนหลงลืมการใช้ Keywords กลุ่มอื่น ๆ ด้วย

  • ข้อดีของการทำ SEO ด้วย Keywords กลุ่มนี้ คือ ทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักเร็ว (หากทำติด)  เพราะเป็นคำที่มีอัตราการค้นหาสูงมาก 

  • ข้อเสียคือ คู่แข่งเยอะมาก การแข่งขันมหาโหด ไม่เหมาะกับมือใหม่ หากคุณเป็นเว็บไซต์เปิดใหม่ แล้วใช้คำกลุ่มนี้ อาจจะต้องใช้เวลานานมาก ๆ ที่จะเข้าไปแทนที่เว็บไซต์ใหญ่ ๆ

2.Minor Keywords

หมายถึง กลุ่มคำที่มีคือการขยายจาก Major Keywords ที่ช่วยขยายคำให้มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายสามารถค้นหาสิ่งที่ตรงความต้องการมากขึ้น และจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนค้นหาเจอมากขึ้น  แถมอัตราการค้นหาของคำกลุ่มนี้มีความแข่งขันทางการตลาดที่เคร่งเครียดน้อยว่า Major Keywords ทำให้เพิ่มโอกาสในการติดอันดับง่ายกว่า ช่วยเพิ่ม Traffic Organic และ Organic keywords ได้ดี

3.Specified Keywords

หมายถึงกลุ่มคำที่มีความหมายที่เฉพาะเจาะจง คำที่ระบุชัดถึงตัวสินค้า ส่วนใหญ่มักจะเป็นการระบุถึงรุ่น สี ยี่ห้อ สถานที่จำหน่าย ซึ่งส่วนใหญ่ของลูกค้าที่ค้นหาคำพวกนี้ มักจะเป็นลูกค้าที่ต้องการของสิ่งนั้นจริง ๆ หรือต้องการทราบข้อมูลสินค้าตัวนั้นจริง ๆ ซึ่งสำหรับผม ๆ จะให้ความสำคัญกับคำกลุ่มนี้เป็นพิเศษ เพราะมันแสดงถึงแบรนด์ที่ส่งไปถึงลูกค้าแล้ว ลูกค้ารู้จักเรา มีความสนใจมายังสินค้าของเรา และกำลังค้นหาสินค้าของเราเพื่อทำการศึกษาเพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง ถึงแม้ว่าคำกลุ่มนี้จะมีอัตราการค้นหาที่น้อยกว่าทุกกลุ่ม แต่ว่าเป็นกลุ่มที่สามารถเปลี่ยนเป็นยอดขายได้มากที่สุด 

ยกตัวอย่างการเลือกใช้  Keywords แต่ละชนิด 

ตัวอย่างที่ 1 หากธุรกิจของคุณเป็น ร้านขายเสื้อผ้า

Major Keywords 

  • เสื้อผ้าผู้ชาย
  • เสื้อผ้าผู้หญิง 
  • เสื้อผ้าเด็ก 

Minor Keywords 

  • เสื้อแขนยาวผู้ชาย
  • กระโปรงสีชมพู
  • เดรสสีฟ้าลายการ์ตูน

Specified Keywords

  • เสื้อแขนยาวผู้ชาย แบรนด์ Dickies สีฟ้า
  • กระโปรงออกงาน สีชมพู
  • เดรสเด็กลายการ์ตูน เอลซ่า 

ตัวอย่างที่ 2 หากธุรกิจของคุณเป็น ร้านกะเพรา

Major Keywords 

  • กะเพรา

Minor Keywords 

  • กะเพราหมู
  • กะเพราเนื้อ
  • กะเพรากุ้ง

Specified Keywords

  • กะเพราหมูคูโรบูตะ 
  • กะเพราเนื้อวากิว
  • กะเพรากุ้งแม้น้ำ

สิ่งที่ควรระวังในการเลือกใช้ Keywords 

จากเนื้อหาด้านบน ผมคิดว่าน่าจะช่วยให้ผู้ที่เพิ่งเริ่มทำ SEO ในครั้งแรกจะพอเข้าใจในหลักการเลือกใช้ Keywords ที่เหมาะสมกับธุรกิจแล้ว และน่าจะพอเริ่มหา Keywords เพื่อเริ่มทำ SEO ได้ด้วยตนเองแล้ว แต่ก่อนที่ทุกท่านจะเริ่มลงมือทำด้วยตัวเองผมอยากจะเพิ่มข้อควรระวังในการเลือกใช้ Keywords อีกสัก 2 ข้อเพิ่มเติมด้วยเพื่อประโยชน์ของการทำงานของตัวท่านเองดังนี้ 

1. ควรเป็นคำเกี่ยวข้องกับธุรกิจ 

อย่างที่ผมแจ้งไว้ในด้านบน Keywords ก็เหมือนลูกไฟนำทาง การเลือก Keywords ที่ดีจะช่วยนำทางลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายมาหาคุณได้ แต่ไม่ควรเลือกใช้ Keywords ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเด็ดขาด เพราะหากเลือกใช้คำที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่หลอกใช้ Keywords  เพื่อดึงคนเข้ามา นอกจากจะทำให้ไม่ได้ลูกค้าแล้ว อัตราการคลิกออกจากเว็บไซต์ (Bounce Rate) ยังสูง ส่งผลให้ Google คาดโทษเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย

2. ต้องมีอัตราการค้นหาจริง 

สำหรับมือใหม่บางคนมักจะเข้าใจว่า คำที่เฉพาะเจาะจงเป็นสิ่งที่ดี จึงเลือกใช้ชื่อยี่ห้อสินค้าของตัวเองเลย เพราะเฉพาะเจาะจงที่สุด … วิธีนี้ไม่ผิดครับ หากสินค้าของคุณค่อนข้างติดตลาดและมีความสนใจ+พูดถึงในมุมกว้าง แต่หากเป็นสินค้าใหม่เพิ่งเจาะตลาด การใช้ชื่อยี่ห้อมาเป็น Keywords นั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ ๆ เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก และเมื่อไม่รู้จักก็ไม่มีการค้นหา และเมื่อไม่มีการค้นหาก็ทำให้น้อยมากที่จะค้นหาเจอ ดังนั้นหากเป็นสินค้าใหม่ ควรเลือกคำที่ใกล้เคียง หรือ สรรพคุณสินค้า เพื่อตีวงให้ลูกค้าค้นหาเจอจะดีกว่า เช่น หากเป็นสินค้าความสวยความงาม อาจจะใช้คำว่า ครีมแต้มสิว , ครีมหน้าใส , ครีมหน้าเด้ง ประมาณนี้จะดีกว่า 

สรุปส่งท้าย การเลือก Keywords ที่ดี และมีการวางแผนที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มปริมาณ Traffic Organic และ Organic keywords เข้าสู่เว็บไซต์ได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรโฟกัสแค่คำที่มีอัตราการค้นหาสูงเพียงอย่างเดียว แต่ควรผสมผสาน Keywords กลุ่มอื่น ๆ เสริมเข้าด้วยกัน และไม่ควรรีบร้อน เพราะการทำ SEO เป็นการทำการตลาดที่ต้องใช้เวลานาน ผู้ทำ SEO ควรเน้นการทำเนื้อหาที่มีประโยชน์ และตรงกับธุรกิจจริง ๆ เพียงเท่านี้อันดับ 1 ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วครับ

บทความล่าสุด

Dpoint Holdings Co.,Ltd (Maxideastudio)

344 ซ.สุคนธสวัสดิ์ 14 ลาดพร้าว Bangkok Thailand

Call (+66) 095-7922929

www.maxideastudio.com

ชัยพร อุดมชนะโชค

Founder Of Maxideastudio
Digital Marketer l Content Creator l Speaker

© 2024 MaxideaStudio. All Rights Reserved.