เรื่องฮือฮาในงาน F8 เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน คือการที่พี่มาร์กออกมาประกาศชัดเจนว่าจะให้ผู้ใช้มีอำนาจติดตามและควบคุมข้อมูลของพวกเค้าแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือที่ตอนนั้นเรียกกันว่าการ “Clear History” หรือการลบประวัติข้อมูลการใช้งานที่เว็บไซต์หรือแอปต่างๆ ส่งมายัง Facebook
หลังจากเงียบหายไปนาน ในที่สุดเค้าก็ทำตามคำสัญญาได้สำเร็จ ไม่กี่วันก่อน Facebook ปล่อยฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า “Off-Facebook Activity” ออกมาให้ได้ใช้กันทั่วโลก
Off-Facebook Activity คืออะไร?
ปกติธุรกิจหรือแพลตฟอร์มที่ใช้เครื่องมือทางธุรกิจของ Facebook เช่น Pixel, SDK หรือ Login จะแชร์ข้อมูลการใช้งานของลูกค้าให้กับ Facebook เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ เช่น ข้อมูลการเข้าเว็บไชต์, การใช้งานแอป, การล็อกอินเข้าสู่ระบบ, การค้นหาสินค้า, การสั่งซื้อ เป็นต้น
โดยแต่ก่อนผู้ใช้อาจไม่รู้เลยว่าข้อมูลของตัวเองถูกเก็บไปตอนไหน หรือถูกเอาไปใช้อย่างไร ซึ่งนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจในแพลตฟอร์ม
Facebook พยายามปิดจุดบอดตรงนี้ โดยการนำข้อมูลเหล่านี้นำมาสรุปให้ผู้ใช้แต่ละรายเห็นรายละเอียดกันแบบจะๆ โดยเรียกมันว่า “กิจกรรมภายนอกเฟซบุ๊ก หรือ Off-Facebook Activity”
ผู้ใช้แต่ละคนทำอะไรได้บ้างภายใต้ฟีเจอร์นี้?
1. ดูรายละเอียดข้อมูลที่ถูกแชร์ได้
ผู้ใช้สามารถดูได้หมดเลยว่ามีเว็บไซต์หรือแอปของธุรกิจใดบ้างที่แชร์ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ให้กับ Facebook รวมถึงสามารถดาวน์โหลดรายละเอียดมาดูได้ด้วย
หากเข้าผ่านแอปพลิเคชั่น ให้ไปที่ Setting ภายใต้ “Your Facebook Information” จะมีเมนู “Off-Facebook Activity” ให้เลือก
เวลาจะดูข้อมูล ให้กดที่ “Manage your Off-Facebook Activity” ระบบจะให้ผู้ใช้ใส่รหัสผ่านอีกรอบเพื่อความปลอดภัย จากนั้นระบบจะโชว์รายชื่อเว็บไซต์หรือแอปที่แชร์ข้อมูลให้กับ Facebook พร้อมบอกจำนวนกิจกรรมของผู้ใช้ (interaction) ทั้งหมดที่ถูกแชร์ด้วย
พอผู้ใช้กดเข้าไปที่รายชื่อเว็บไซต์หรือแอป ระบบก็จะบอกรายละเอียดคร่าวๆ ว่าเค้าได้ข้อมูลมายังไง และเอาข้อมูลไปใช้ทำอะไร ซึ่งแน่นอนว่าเหตุผลหลักที่เค้าให้ก็คือ เพื่อนำไปพัฒนาประสบการณ์การใช้แพลตฟอร์มและนำเสนอสิ่งที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้นั่นเอง พร้อมกับย้ำชัดว่า Facebook ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของผู้ใช้ และไม่ได้ขายข้อมูลของผู้ใช้แต่อย่างใด
2. ลบประวัติข้อมูลการใช้งานในอดีตทั้งหมดได้
จากข้อแรกที่ผู้ใช้เห็นรายชื่อเว็บไซต์และแอปยาวเหยียดนั้น จะมีปุ่มให้ผู้ใช้สามารถเลือก “Clear History” หรือ ลบประวัติข้อมูลการใช้งานที่เว็บไซต์หรือแอปเคยส่งให้ Facebook ได้ทั้งหมด
ซึ่งการกระทำนี้ อาจทำให้ผู้ใช้ที่เคย login เข้าสู่ระบบด้วย Facebook ออกจากระบบโดยอัตโนมัติ แต่สามารถกลับมา login ได้ใหม่ในอนาคต
ทั้งนี้ การ Clear History เป็นเพียงการลบประวัติการใช้งานในอดีตเท่านั้น ข้อมูลการใช้งานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็จะยังคงถูกจัดเก็บต่อไปเหมือนเดิม
3. ยกเลิกการเชื่อมต่อข้อมูลในอนาคตได้
นอกจากผู้ใช้จะสามารถลบข้อมูลในอดีตได้แล้ว ยังสามารถเลือกยกเลิกการเชื่อมต่อข้อมูลของตนในอนาคตได้อีกด้วย โดยสามารถเลือกที่ยกเลิกการเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมด หรือจะยกเลิกเพียงบางเว็บไซต์หรือแอปของธุรกิจก็ได้
กรณีที่ต้องการยกเลิกการเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมด ให้เข้าไปที่ More Option > Manage Future Activity และปิดปุ่มสลับที่ Future Off-Facebook Activity
กรณีที่ต้องการยกเลิกการเชื่อมต่อข้อมูลกับเพียงบางเว็บไซต์หรือแอปของธุรกิจ ให้เข้าไปที่รายชื่อของธุรกิจที่ต้องการยกเลิก และเลือก “Turn off future Activity from….”
ทั้งนี้ การยกเลิกการเชื่อมต่อข้อมูลในอนาคต ไม่ได้ลบข้อมูลในอดีตที่เคยเชื่อมต่อ และไม่ได้หมายความว่าธุรกิจจะเลิกส่งข้อมูลให้ Facebook นะครับ มันเป็นเพียงการยกเลิกการเชื่อมโยงข้อมูลกับบัญชีผู้ใช้เท่านั้น
สิ่งที่ผู้ใช้ต้องเข้าใจก่อนลบข้อมูลหรือยกเลิกการเชื่อมต่อ
1. ข้อมูลไม่ได้หายไปจากระบบ
แม้มีการลบข้อมูลหรือยกเลิกการเชื่อมต่อ การจัดเก็บและรับส่งข้อมูลระหว่าง Facebook กับธุรกิจก็ยังคงเกิดขึ้นเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต่างคือ มันแค่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในส่วนที่ผู้ใช้ไม่อนุญาตเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลมีโอกาสถูกนำไปใช้ในทางอื่นอีก เช่น ถูกนำมาช่วยในการพัฒนาระบบการโฆษณาให้ดียิ่งขึ้น หรือถูกนำมาใช้ในการวัดผล เป็นต้น
2. ผู้ใช้จะยังเห็นโฆษณาจำนวนเท่าเดิม
ถ้าผู้ใช้ลบข้อมูลหรือยกเลิกการเชื่อมต่อทั้งหมด จะไม่ทำให้ผู้ใช้เห็นจำนวนโฆษณาโดยรวมลดลง แต่สิ่งที่ต่างคือ โฆษณาจะเกี่ยวข้องกับความสนใจน้อยลง ยกเว้นเสียแต่ว่า ผู้ใช้จะยกเลิกการเชื่อมต่อเฉพาะธุรกิจที่เค้าไม่สนใจแล้ว
นอกเหนือฟีเจอร์ Off-Facebook Activity แล้ว เค้ายังมีฟีเจอร์ที่มาพ่วงกันคือ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดข้อมูลของตัวเองตลอดระยะเวลาการใช้งาน Facebook ออกมาดูได้หมด (แบบละเอียดยิบ) ตั้งแต่โพสต์ รูป วิดีโอ คอมเมนต์ รายชื่อเพื่อน ข้อความที่ส่งใน inbox รายละเอียด Off-Facebook Activity และรายชื่อธุรกิจที่ใช้ข้อมูลของเรา เป็นต้น ซึ่งสามารถโหลดย้อนหลังตั้งแต่เริ่มใช้งาน หรือจะเลือกเป็นช่วงเวลาก็ได้
ฟีเจอร์นี้มันเกี่ยวอะไรกับธุรกิจ?
อ่านไปอ่านมาทุกท่านคงจะเห็นแล้วว่า ฟีเจอร์นี้ไม่เชิงว่า Facebook จะให้อำนาจผู้ใช้แบบเบ็ดเสร็จอะไรขนาดนั้น เพราะข้อมูลก็ยังถูกจัดเก็บเหมือนเดิม อันที่จริงมันเป็นเหมือนแค่การแสดงความโปร่งใสเสียมากกว่า คือ ให้ผู้ใช้รับรู้ว่าข้อมูลของพวกเค้าถูกใช้ไปอย่างไร และให้ทางเลือกว่าผู้ใช้จะอนุญาตให้ธุรกิจใช้ข้อมูลของตนได้หรือไม่เท่านั้น ซึ่งตามความเห็นของผมฟีเจอร์นี้ อาจส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจบน Facebook ดังต่อไปนี้
1. อาจกระทบกลุ่มเป้าหมายที่เคยสร้างไว้
หากฟีเจอร์นี้เป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน และผู้ใช้เกิดลบหรือยกเลิกการเชื่อมต่อข้อมูลกันเยอะ อาจจะส่งผลให้ Custom Audiences ที่สร้างจากฐานข้อมูลเหล่านั้นพังได้ และอาจกระทบไปถึง Lookalike Audiences ที่ใช้ข้อมูลต้นทางมาจาก Custom Audiences ด้วย
2. พื้นที่ในการลงโฆษณาโล่งขึ้น
ส่วนตัวผมมองว่า การที่กลุ่มเป้าหมายเลือกที่จะลบหรือยกเลิกการเชื่อมต่อข้อมูลกับบางธุรกิจ ก็เหมือนกับเป็นการจัดสรรพอร์ตความสนใจของเค้าให้เป็นปัจจุบัน คือ เคลียร์สิ่งที่เค้าไม่สนใจแล้วออกไป เหลือแต่ธุรกิจที่เค้ายังสนใจจริงๆ ซึ่งมีส่วนทำให้พื้นการแสดงผลเหลือพอให้โฆษณาจากธุรกิจอื่นที่น่าจะตรงกับความสนใจมากกว่าเข้ามาแสดงผลได้
3. การยิงโฆษณาอาจแม่นยำมากขึ้น
อย่างที่คุยกันไปในข้อ 2 ว่าถ้าผู้ใช้คุ้นชินกับฟีเจอร์นี้ และคอยอัพเดทสิ่งที่สนใจให้เป็นปัจจุบัน ผมมองว่าเป็นเหมือนการช่วยให้ระบบประมวลความสนใจของผู้ใช้ได้ตรงความจริงมากขึ้น โฆษณาที่ถูกนำส่งออกไปก็น่าจะมีความแม่นยำมากขึ้น
4. ยกระดับคุณภาพของคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม
เมื่อผู้ใช้มีอำนาจในการควบคุมข้อมูล ยุคสมัยของการเอาแต่ผลักสิ่งที่ธุรกิจอยากบอกไปให้แก่ลูกค้าน่าจะทยอยจบลง และต้องกลับมาคำนึงถึงการผลิตคอนเทนต์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ายังคงเลือกที่จะเก็บเราไว้ในลิสต์ของเค้านั่นเอง
ผลกระทบจากฟีเจอร์รวมถึงนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง น่าจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะการสร้างการรับรู้แก่ผู้ใช้ในเรื่องเหล่านี้ย่อมต้องใช้ระยะเวลา เป็นโอกาสให้ธุรกิจอย่างเราทยอยปรับตัวเช่นเดียวกันครับ
#MaxideaStudio
ประชาสัมพันธ์
สำหรับท่านใดที่อ่านบทความนี้แล้ว สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับการทำโฆษณา Facebook Ads ต้องการพัฒนาความสามารถในการใช้โฆษณาเฟสบุคเพื่อเพิ่มยอดขาย และ สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ทางเรามีคลาสสอนทำโฆษณาเฟสบุ๊ค “แบบกรุ๊ปขนาดเล็ก” เนื้อหาอัดแน่นตลอด 2 วันเต็ม
รอบการสอนถัดไป
• วันพุธ-พฤหัส ที่ 7-8 ตุลาคม 2563
• เรียนกลุ่มละ 15 คน
• สถานที่เรียน : Maxidea Co-Playing Space (ซอยลาดพร้าว 71)